เครื่องฟอกอากาศแบบไหนดี เลือกอย่างไรให้เหมาะกับบ้านของคุณ

ในยุคที่มลพิษและฝุ่นละอองPM2.5 กลายเป็นปัญหาใหญ่ หลายคนเริ่มมองหาเครื่องฟอกอากาศในบ้าน  ไม่ว่าจะเป็น เครื่องฟอกอากาศห้องนอน หรือ เครื่องฟอกอากาศห้องนั่งเล่น แต่คำถามคือ “เครื่องฟอกอากาศแบบไหนดี?”เพราะในตลาดตอนนี้มีหลายรุ่น หลายยี่ห้อ การเลือกเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะกับการใช้งานจริงในบ้านจึงสำคัญมาก ดังนั้นวันนี้เราเลยจะมาบอกวิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศอย่างไรให้เหมาะกับบ้านของคุณ

1. เลือกเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะกับห้อง และพื้นที่

ดูว่าห้องที่จะวางเครื่องฟอกอากาศมีพื้นที่เท่าไหร่ ถ้าห้องใหญ่ ควรเลือกเครื่องที่มีค่าCADR (Clean Air Delivery Rate)สูง เพื่อกรองอากาศได้รวดเร็ว ถ้าเป็น เครื่องฟอกอากาศห้องนั่งเล่น เราใช้เวลาอยู่ในนั้นบ่อย จึงควรเป็นรุ่นที่มีฟิลเตอร์หลายชั้น เช่นHEPA Filterฟิลเตอร์กำจัดฝุ่นและ Activated Carbonฟิลเตอร์กำจัดกลิ่น ควัน ส่วนเครื่องฟอกอากาศห้องนอน ควรเลือกที่มีSleep Modeและไม่มีแสงไฟรบกวนการนอน

2. ประเภทฟิลเตอร์ที่ควรรู้

  • Pre‑Filter (ตัวกรองขั้นแรก)

แผ่นกรองชั้นแรกของเครื่องฟอกอากาศ ทำหน้าที่ดักจับ ฝุ่นขนาดใหญ่, เส้นผม, ขนสัตว์, เศษผง ก่อนที่อากาศจะเข้าไปฟอกในชั้น HEPA หรือ Activated Carbon เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นใหญ่ไปอุดตันฟิลเตอร์ชั้นลึก และยืดอายุการใช้งานของไส้กรอง HEPA และ Carbon Filter เหมาะกับบ้านที่มี สัตว์เลี้ยง, ผมร่วงเยอะ, ฝุ่นภายนอกเข้ามามาก

  • HEPA Filter (แผ่นกรองอากาศความละเอียดสูง)

แผ่นกรองอากาศความละเอียดสูง ที่ออกแบบมาเพื่อ ดักจับฝุ่นและอนุภาคขนาดเล็กมากในอากาศ ดักจับฝุ่นละเอียดมากกว่าหรือเท่ากับ 0.3 ไมครอน ด้วยเส้นใยละเอียด กรองฝุ่น PM2.5, เกสรดอกไม้, ไรฝุ่น, สปอร์เชื้อรา ได้ 99.97%  เหมาะกับคนเป็น ภูมิแพ้, หอบหืด, อยู่ในเมืองฝุ่นเยอะ

  • Activated Carbon (แผ่นกรองถ่านกัมมันต์)

แผ่นกรองอากาศที่ทำจากถ่านกัมมันต์ ผ่านกระบวนการพิเศษ ทำให้เกิด รูพรุนเล็ก ๆ จำนวนมาก บนผิวถ่าน  เพิ่มพื้นที่ผิวให้สามารถดูดซับสารเคมี ก๊าซ และกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ดีขึ้น เหมาะกับบ้านที่มี สัตว์เลี้ยง,ควันบุหรี่,กลิ่นอาหาร,ใกล้ถนนหรือโรงงาน

  • Ionizer / Plasma

ปล่อยไอออนลบทำให้ฝุ่นจับตัวกันแล้วตกลงพื้น หรือถูกฟิลเตอร์ดูด Plasma Clusterปล่อยประจุพลังงานสูง ทำลายโครงสร้างโปรตีน เชื้อโรค,แบคทีเรีย,ไวรัส เหมาะกับบ้านที่ต้องการ อากาศสะอาดระดับสูง,มีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุ

3. ฟังก์ชันเสริมที่ควรพิจารณา

  • เซ็นเซอร์วัดคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ (Air Quality Indicator)

เครื่องฟอกอากาศจะมีเซ็นเซอร์วัดฝุ่นละอองPM2.5, VOCs,และความชื้นในอากาศ แบบอัตโนมัติ แสดงสถานะอากาศเป็นสีหรือค่าตัวเลข บางรุ่นมีAuto modeปรับความแรงของพัดลมอัตโนมัติ เหมาะกับบ้านที่ต้องการ ตรวจสอบคุณภาพอากาศแบบแม่นยำ เช่น มีเด็กเล็ก หรือผู้สูงอายุ

  • การควบคุมผ่านแอปมือถือ (Smart Control)

เครื่องฟอกอากาศเชื่อมต่อWi-FiหรือBluetoothควบคุมผ่านแอปมือถือ สามารถเปิด/ปิดเครื่อง,ปรับโหมด หรือเช็กสถานะอากาศได้จากทุกที่ แจ้งเตือนการเปลี่ยนฟิลเตอร์ หรือสถานะอากาศอัตโนมัติ เหมาะกับคนที่ชอบความสะดวกสบาย,บ้านใหญ่มีหลายห้อง,หรืออยากควบคุมเครื่องจากนอกบ้าน

  • โหมดประหยัดพลังงาน (Energy Saving Mode)

ปรับการทำงานของพัดลมและเซ็นเซอร์ให้ใช้พลังงานน้อยลง เมื่อคุณภาพอากาศอยู่ในระดับดี ลดค่าไฟโดยไม่กระทบคุณภาพอากาศมาก เพิ่มอายุการใช้งานของฟิลเตอร์ เหมาะกับบ้านที่เปิดเครื่องตลอด24ชั่วโมง,ต้องการลดค่าไฟ หรืออยากให้เครื่องทำงานเงียบ

4. ทำไมต้องเลือกเครื่องฟอกอากาศ Blueair

หากคุณกำลังลังเลว่า เครื่องฟอกอากาศในบ้าน ยี่ห้อไหนดี หนึ่งในตัวเลือกที่คุ้มค่าคือBlueairแบรนด์เครื่องฟอกอากาศชั้นนำจากสวีเดน ขึ้นชื่อเรื่องเทคโนโลยีการฟอกอากาศระดับโลก ใช้HEPASilent™ Technologyที่รวมการกรองเชิงกล (Mechanical)และการกรองด้วยไฟฟ้าสถิต (Electrostatic)ทำให้กำจัดฝุ่นและเชื้อโรคได้ถึง 99.97%

มีหลากหลายรุ่น เหมาะทั้งเป็น เครื่องฟอกอากาศห้องนอน ที่เงียบและประหยัดพลังงาน หรือ เครื่องฟอกอากาศห้องนั่งเล่น ที่ต้องการกำลังแรง ดีไซน์เรียบหรู เข้ากับทุกสไตล์บ้าน ผ่านมาตรฐานสากล เช่นAHAM, Energy Starถ้าคุณอยากได้ทั้ง อากาศสะอาด เงียบ และประหยัดพลังงานBlueairคือคำตอบที่ทำให้การเลือกว่า เครื่องฟอกอากาศแบบไหนดี ง่ายขึ้นทันที

สั่งซื้อสินค้า 

Shopee:https://shope.ee/8pLeTAtgAl

Lazada:https://bit.ly/3yYChs3

สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

FACEBOOK :https://www.facebook.com/Blueairthailand

TIKTOK :https://t.ly/rdUqJ

LINE : @blueair

Tel. 02-446-5666ต่อ2200, 2207